ภาพยนตร์อากาศแปรปรวน Into the Storm ว่าด้วยเรื่องราวของอภิมหาพายุที่กวาดเมืองเสียราบคาบ แถมยังทำท่าว่าจะตามมาอีกชุดใหญ่หลายลูก โดยดำเนินผ่าน 2 เส้นเรื่องใหญ่ๆ หนึ่งคือ คุณพ่อและลูกชายคนเล็ก ที่รีบร้อนไปช่วยเจ้าลูกชายคนโตที่ติดแหง็กอยู่ในซากอาคาร และความมุ่งมั่นเอาเป็นเอาตาย ของนักล่าถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับพายุ ทั้งมืออาชีพ มีรถถังประจัญบาน และอุปกรณ์สุดไฮเทค และมือสมัครเล่นที่กล้องตัวเล็กๆ และกะว่าดังแบบเกรียนๆในยูทูป แต่ทั้งหมดนั่นก็ถึงคราวตกตะลึงเมื่อ พายุถล่มครั้งนี้ มันคือหายนะที่ยิ่งกว่าที่มนุษย์จะเคยพบเห็น!!
อย่างที่บอกไปในข่าวพยากรณ์อากาศเมื่อตะกี้ สิ่งที่พอผลักดันหนังธรรมชาติกราดเกรี้ยวเรื่องนี้ ให้ดูตื่นเต้นไปได้บ้าง คือ เทคนิคการถ่ายแบบกล้องแฮนด์เฮล ทำให้ได้ภาพส่ายไปมา บางครั้งหมุนติ้วเหมือนมองจากกล้องตัวเล็กๆ ในมือของตัวละครจริงๆ อีกทั้งบางครั้งยังตัดสลับไปในมุมมองอื่นๆเช่น แทนสายตาของตัวละคร กล้องวงจรปิด กล้องตายซากที่ตั้งไว้บนขาตั้ง และรูปแบบการแนะนำตัวละคร ที่สุดจะฮาร์ดคอร์แบบ มีตัวอักษรบอกชื่อนามสกุล อายุ อาชีพ ขึ้นมาข้างๆ จนทำให้หนังเรื่องนี้
บางครั้งก็ดูเหมือนสารคดี และเห็นพายุที่กำลังหอบรถเสียลอยคว้างไปตรงหน้านั้น ดูท่าจะเป็นของจริง แบบชวนลุ้นไปได้ในหลายๆครั้ง แต่ถึงกระนั้น เหมือนกล้องสารคดีตัวนี้ จะแบตหมดเสียกลางทาง หนังเลยมีมุมกล้องประหลาดๆ ที่คนดูอาจปะติดปะต่อไม่ถูกว่า เอ๊ะ นี่เรากำลังมองจากอะไรกันแน่หว่า? ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย เพราะมุมกล้องที่ขาดความสม่ำเสมอนี้ ทำให้พายุดูอ่อนกำลังลงไปเสียเยอะเลยทีเดียว
สำหรับเทคนิคด้านภาพ และการสร้างโคตรวาตภัย แบบโอ้โห!เหนือจริงสุดๆนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เนี้ยบกริบ แต่ก็พอจะดูอลังการ ตื่นเต้นได้อยู่บ้าง และหนังก็ทำท่าว่าจะขายพี่วาตภัยนี่แบบจริงจัง ทำให้ความสมเหตุสมผล และ ปมประเด็นของตัวละคร ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด หรือแม้แต่ทำเพื่อศักดิ์ศรีและผลตอบแทนที่เฝ้าหวังมานาน ซึ่งการฝืนความตายเหล่านี้ มันน่าจะกดดันเอาการ แต่ทั้งหมดนั้น กลับถูกให้น้ำหนักเพียงเบาๆ เหมือนหลังคาบ้านที่ปลิวว่อนอยู่กลางพายุ แล้วเน้นไปที่การโชว์ฟอร์มพายุคลั่ง ตั้งแต่ช่วงปะทุในตอนแรกๆ โหมทำลายไปทั้งเรื่อง และสูญสลายไปในตอนสุดท้ายแบบงงๆ อยู่เหมือนกัน
ถ้าหนังมุมกล้องสารคดีแฮนด์เฮลเรื่องนี้ ต้องการทำให้ “พายุ” ดูเป็นเรื่องจริงสุดโหด ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปได้บ้าง แต่ถ้าต้องการทำให้ “ตัวละคร” ดูเป็นเรื่องโหดสุดจริง ก็ถือว่าออกจะแบนราบ ขาดที่มาที่ไปและแรงจูงใจ ที่จู่ๆ ก็มีความกล้าท้าความตาย ซึ่งเมื่อเทียบกับจิตสำนึกของมนุษย์จริงๆ แล้วบางครั้งมันก็ดูเลยเถิดไปไกล และทำให้ทุกคนนั้นออกแนว ผู้กล้า ที่ยืนท้าแบบไม่หวั่นแม้วันลมแรง แบบเหนือมนุษย์