Sin City: A Dame to Kill For สร้างจากการ์ตูนของ แฟรงค์ มิลเลอร์ แบบไม่ทิ้งสไตล์ภาพอันจัดจ้านในหนังสือต้นฉบับ โดยแบ่งเป็นตอนย่อยๆ ที่ตัดสลับกันทีละครึ่่งเรื่อง ตั้งสติดีๆ นะครับคุณผู้ชม เราจะค่อยๆเล่าให้ฟัง ทั้ง 4 เรื่องนี้ประกอบด้วย Just Another Saturday Night ที่ว่าด้วยเรื่องพี่บึ้กขาโหด มาร์ฟ ที่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมากลางถนน ที่มีศพเกลือนพร้อมซากรถเละเทะ แต่ตัวเองดันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ว่าทำอะไรลงไปวะ คิดได้ดังนั้นก็เลยช่างมัน The Fat Loss เรื่องของสาวนักระบำเปลื้องผ้า แนนซี่ ที่หลังจากสูญเสีย ฮาร์ติแกน ตำรวจมือสะอาดผู้มีพระคุณไปในภาคแรก ทำให้เธอพลิกตัวเองจากสาวน้อยบอบบาง เป็นหญิงติดเหล้า แข็งกร้าว และวันๆ คิดถึงแต่การล้างแค้น
ตามมาด้วย A Dame to Kill For เรื่องของนักสืบนาม ดไวท์ แม็คคาร์ธี ที่จู่ๆ เอวา ลอร์ด สาวฮอตอดีตแฟนเก่า ก็กลับมาตามง้อให้ช่วยเธอจากเงื้อมมือเศรษฐีแฟนใหม่ โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังถูกมารยาหญิงร้ายหลอกเข้าเต็มเปา / The Long Bad Night เรื่องที่ไม่ได้มีในหนังสือ แต่มิลเลอร์แต่งขึ้นใหม่ โดยเล่าถึง จอห์นนี่ นักพนันหนุ่มฝีมือขั้นเทพเจ้า ที่หาเรื่องใส่ตัว เพราะดันไปกระตุกหนวดเสือ เล่นพนันกับวุฒิสมาชิกโร้ค ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองคนบาป / โดยตัวละครทั้ง 4 เรื่องย่อยจะขมวดมาเจอกันในตอนกลางเรื่อง และนำพาทิศทางของตัวละครให้เปลี่ยนไป อันเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ในหนังภาคแรก
เอกลักษณ์สำคัญของหนัง ที่ยังคงไว้อย่างเข้มข้น ชนิดที่แฟนเดนตายต้องซูฮก คือสไตล์ภาพขาวดำ คอนทราสจัด และเน้นสีสดบ้างในบางฉากบางจุด ตามที่ในการ์ตูนต้นฉบับทำไว้ อันเป็นดังเข็มทิศใหญ่ว่าปะหัว Sin City แล้วภาพต้องออกมาเป็นแบบนี่้เท่านั้น ซึ่งมันก็ช่วยขับเน้นความดิบ รุนแรง และความเป็นการ์ตูนในหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านการ์ตูนช่องแบบเพลินๆ (บางฉาก มีองค์ประกอบโดยรวม เหมือนในการ์ตูนเด๊ะเลย!) ไม่ได้เน้นความสมจริงอะไรมากมาย แต่ก็มันส์ได้ไม่ผิดหวัง แต่ก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละครับ เมื่อหนังเป็นภาคสอง สไตล์โด้ดเด้งนี้อาจไม่ได้ชวนตื่นเต้นเท่าตอนที่เห็นครั้งแรกในภาคก่อนแล้ว
ซึ่งในโลกเสมือนสีขาวดำนี้ บรรดาตัวละครหลักต่างก็ถูกขับเคลื่อนด้วยความประสงค์ร้าย ทั้งจากปมหลังฝังใจ การแก้แค้น ความรู้สึกต้องการเอาชนะหยามเหยียด เลยเถิดไปถึงเอามันเพราะไม่มีอะไรทำ?! ซึ่งมันกำลังสะท้อนด้านมืดที่เก็บซุกซ่อนไว้ในตัวมนุษย์ทุกคน ที่อยากลุกขึ้นมายิงกบาลคนที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ แต่มันก็ทำไม่ได้เพรากฎหมายและศีลธรรม แต่ในโลกของ Sin City นั้นโยนเรื่องดีงามพวกนี้ทิ้งเสียเกลี้ยง แล้วเดินหน้าเอาความเลวเข้าปะทะความเลว จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปข้าง แน่นอนคุณผู้ชมอาจจะสงสัยว่า ตำรวจแห่งเมืองคนบาปนี้มัวไปทำอะไรกันอยู่ ซึ่งก็จะเห็นได้ในหนังเลยว่า สถานะของผู้รักษากฎหมาย นั้นกลายเป็นไอ้บื้อ ที่โดนหลอกใช้ และไม่มีพลังมากพอจะไปต่อกรกับใคร แม้แต่สาวโสเภณี แต่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลนี้ ก็คือ ผู้ปกครองที่ทรงอิทธิพล แบบแทบไม่มีวันล้มล้างได้ และช่างหัวมันกฎหมายแบบสุดๆ
Sin City: A Dame to Kill For อาจไม่ได้เสียดสีรุนแรงต่อ คนชั่วช้าในสถานการณ์สังคมปัจจุบัน แต่มันสร้างโลกในอุดมคติของพวกเขาเหล่านั้น ให้เกิดเป็นรูปธรรมชัดเจนให้พวกเราได้เข้าไปสำรวจ และติดตาม ความคิด มิใช่ คำพูด ของตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ที่ส่วนใหญ่จะคิดเป็น 100 แต่พูดออกมา 10 เพียงเท่านั้น ซึ่งมันเสมือนจิตใต้สำนึกของมนุษย์ปถุชนทุกคน ที่มีทั้งทั้งขาวจัดและดำจัดเหมือนในหนัง แต่เลือกแสดงด้านขาว เก็บงำด้านดำไว้เท่านั้นเอง ถึงแม้ตัวละครทุกตัว จะมีแรงผลักดันให้ระทำชั่วที่น่าสนใจ แต่เมื่อเรื่องขมวดปมมาจนถึงจุดแตกหัก การคลี่คลายเรื่องราวเหล่านั้น กลับดูเรียบง่ายไปเสียหน่อย เพราะไม่มีอะไรมากมายไปกว่า นอกจากบุกเข้าไปยิงกบาลให้เละเป็นโจ๊ก อาจเป็นการชำระแค้นเสร็จสิ้นภารกิจ