เมืองต้องการวีรบุรุษ ความมืดมนได้ยึดครองนิวยอร์กซิตี้เมื่อชเรดเดอร์ และกองกำลังฟุตแคลนที่ชั่วร้ายของเขาได้ยึดครองทุกอย่างตั้งแต่ตำรวจจนไปถึง นักการเมือง อนาคตนั้นริบหรี่จนกระทั่งสี่พี่น้องนอกสังคมจากท่อระบายน้ำได้ค้นพบชะตาของ พวกเขาในฐานะ Teenage Mutant Ninja Turtles ทั้งสี่ต้องร่วมมือกับเอพริล นักข่าวสาวที่ไม่ยำเกรง และเวิร์น เฟนวิค ตากล้องผู้หัวหมอ เพื่อกอบกู้เมืองนี้
หนังกำกับการแสดงโดย โจนาธาน ลีเบสแมน จาก World Invasion และ Wrath of the Titans ซึ่งดูจากเครดิตรายชื่อของผกก.คนนี้แล้ว หนังส่วนมากก็จะออกมาเน้นขายฉากบู๊แบบไม่คิดมาก ระเบิดภูเขาเผากระท่อมให้ยิ่งใหญ่เป็นพอ ซึ่งนั่นก็ดูจะเหมาะมากสำหรับโปรเจคต์ที่ต้องการชุบชีวิต เต่านินจา ของ พาราเมาท์ ที่พ่วงผกก.อย่าง ไมเคิล เบย์ มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์แถมยังคอยทำหน้าที่ช่วยกำกับอยู่หลายฉาก จนมีหลายช่วงรู้สึกว่า ‘นี่เรากำลังดูหนังไมเคิล เบย์ อยู่รึเปล่า?’ ซึ่งถ้าหากให้ลองถามท่านผู้อ่านดูเลยว่า พวกคุณอยากจะเห็นอะไรใน เต่านินจา ส่วนมากก็คงจะหนีไม่พ้น มุกตลกสุดฮา และ ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ ซึ่งถ้าหากคุณหวังที่จะเห็น 2 สิ่งนั่น เต่านินจา ฉบับใหม่ก็สามารถจัดเต็มให้คุณได้
เพราะแน่นอนว่ามันดูเหมือนเป็นของถนัดสำหรับผู้กำกับอยู่แล้ว ในแง่ของ ฉากแอ็คชั่น ใน เต่านินจา ฉบับใหม่นี่ ซึ่งอาจจะมาค่อนข้างน้อย แต่เมื่อมาทีก็จัดได้ว่าค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ และสามารถทำให้คนดูลุ้นตัวโก่งร่วมกันไปได้ เช่นกันกับด้านของมุกตลกสุดกวน ที่ยังเป็นอีกหัวใจของ เต่านินจา ทุกฉบับ ซึ่งถ้าหากเอาไปเทียบกับภาคอนิเมชั่น TMNT เมื่อปี 2006 ในแง่ของการสร้างคาแรกเตอร์ 4 เต่า ก็ต้องขอมอบให้ฉบับปี 2014 ชนะไปอย่างเป็นเอกฉันท์ จนทำให้มุกตลกหลายมุกของมันเกิดขึ้นได้เพราะการแนะนำ 4 เต่าในฐานะมิตรที่น่าคบหา และกลุ่มเพื่อนที่คอยเล่าเรื่องโจ๊กให้ฟังอย่างไม่ขาดสาย
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อ ฉากแอ็คชั่น และ มุกตลก กำลังทำหน้าที่ให้คนดูคอหนังแอ็คชั่น และหนังซัมเมอร์ฟอร์มยักษ์ต้องสนุกร่วมลุ้นไปด้วย ด้านของตัวบทหนัง และ วิธีการดำเนินเรื่อง กลับค่อนข้างถอยหลังลงคลองเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะในแง่ของตัวบทหนัง ที่ดูมาไวไปไว จบแล้วจบกัน รวมถึงวิธีการดำเนินเรื่องที่เล่าผ่านตัวละคร เอพริล โอ นีล มีสัดส่วนมากกว่าเหล่า 4 เต่า เลยอาจจะทำให้แฟนๆของน้องเต่ามีเคืองได้ ที่ปล่อยให้ตัวละครคนมีบทเด่นกว่า แถมยังเป็นตัวละครที่เราคนดูต้องสวมมุมมองแทนอีกด้วย
ซึ่งรอบที่ตัวผมดูนั่นได้ดูเป็นระบบ 3D ซึ่งมันอาจจะไม่เชิงว่าจำเป็นสำหรับตัวหนังซะทีเดียว แต่กระนั่นด้านระบบ 3D ของ เต่านินจา ฉบับนี้ก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด มีทั้งฉากที่เล่นกับคนดู ปาของเข้าหน้า และรวมถึงยังไม่ลืมที่จะถ่ายช็อตให้แต่ละฉากนั่นมีมิติอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากใครที่เป็นคนที่ชื่นชอบระบบนี้ ก็อย่าพลาดเลยหล่ะครับ