เรื่องราวของปรมาจารย์มวยจีนยิปมัน ถูกนำมาเล่าขานอีกครั้งในชื่อ The Grandmasters ด้วยฝีมือการกำกับ?ของผู้กำกับที่มีแนวทางเป็นของตัวเองอย่าง หว่องกาไว ที่ผลงานล่าสุดเรื่องนี้เลือกที่จะทำหนังแนวแอ็คชั่น?แนวหมัดมวย ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจแรกแก่ผู้ชมจากตัวอย่างหนังที่เผยให้เห็นคิวบู๊ อันสวยสดงดงาม?และยังมีการถ่ายภาพและการโคสอัพที่ยอดเยี่ยม ตัวหนังมีทีมนักแสดงนำที่ดีทั้ง เหลียงเฉาเหว่ย จางซิยี่ จาง?เจิ้น และนักแสดงเกาหลี ซองเฮเคียว ทำให้เกิดความคาดหวังพอสมควรกับเรื่องราวของปรมาจารย์ยิปมันว่า?ต้องเป็นอีกงานที่สมบูรณ์แบบ
หนังเปิดเรื่องด้วยการต่อสู้ของยิปมัน (เหลียงเฉาเหว่ย) กับเหล่านักเลงหลายสิบคนท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน?เป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึง ฝีมือกังฟูแบบหย่งชุนของยิปมันได้อย่างชัดเจน นับเป็นฉากเปิดที่ยอดเยี่ยม และการ?เป็นการกำหนดแนวทางให้ทราบทิศทางของหนังเรื่องนี้ แต่นั่นกลับเป็นความเข้าใจที่ผิด หนังจึงเริ่มปูเรื่องราว?และบอกตัวเองว่าเป็น หนังกึ่งสารคดีเกี่ยงกับชีวิตปรมาจารย์ยิปมัน ที่แวดล้อมด้วยเรื่องราววงการมวยกังฟูที่แปรผกผันตามประวัติศาสตร์ชาติจีน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แม้ทางการตลาดจะนำชื่อของยิปมันมาเป็นจุดขาย แต่ชื่อหนัง The Grandmasters ซึ่งอาจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเรื่องราวของยิปมันปรมาจารย์แดนใต้ไม่ได้ถูกเน้นอย่างที่คิด เรื่องราวของกงเอ๋อ (จางซิยี่)?บุตรี ของปรมาจารย์กังฟูแดนเหนือ ผู้มีพันธะทางใจกับยิปมันและเป็นผู้สืบทอดวิชา 64 ฝ่ามือ ที่ต้องการล้าง?แค้นให้กับพ่อที่ถูกศิษย์พี่ร่วมสำนักสังหาร กลับถูกบอกเล่าอย่างมีเนื้อหนังในระดับที่เห็นมิติเชิงลึกมากกว่าเรื่องราว ของยิปมันด้วยซ้ำ จนบางช่วงเหมือนยิปมันหายไปเลย และหากพิจารณาแต่เฉพาะเรื่องราวของยิปมัน?จะพบว่าจังหวะการเล่าเรื่องนั้น รวบรัดและห้วนๆ เกินไป
แท้ที่จริง The Grandmasters มุ่งเน้นการนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มวยจีนที่มุ่งแสดงให้เห็นถึง จารีต?แนวคิด และเกียรติยศ ศักดิ์ศรีในวงการหมัดมวย วิชาฝีมือทั้งหยุ่งชุ่น ปากัวะ สิงอี้ เป็นต้น รวมถึงความเสื่อมถอยของวิชาฝีมือที่ถูกปัจจัยทั้งภาย?นอกภายในถาโถมจนขาดผู้ สืบทอดหรือไม่ก็ลดทอนคุณค่าในตัวมันลง มากกว่าที่จะนำเสนอความบันเทิง?เชิงบู๊เหมือนหนังแอ็คชั่นกังฟูทั่วไป แต่วิธีการนำเสนอยังมีความสับสนในตัวอยู่พอสมควร ทั้่งในแง่ของการลำดับเรื่อง รวมถึงตัวละครบางตัวที่ถูกบอกเล่าอย่างน่าสนใจแล้วก็ถูกทิ้ง! และที่สำคัญที่สุดฉากประจันหน้ากันระหว่างยิปมันและกงเอ๋อที่ริมทางรถไฟที่ ปรากฎให้เห็นในตัวอย่างแต่ตัวหนังกลับไม่มี!
หนังมีฉากประลองฝีมืออันควรน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งฉากเปิดเรื่องระหว่างยิปมันกับนักเลงหลายสิบคน ฉากยิปมัน?ประลองฝีมือและแนวทางคิดทางการเมืองกับปรมาจารย์บู๊แดนเหนือ ฉากประลองกู้ศักดิ์ศรีตระกูลกงระหว่าง?กงเอ๋อและยิปมัน และฉากสุดท้ายการต่อสู้ที่ทางรถไฟระหว่างศิษย์อาจารย์เดียวกันระหว่างกงเอ๋อ และหม่าซัน?ซึ่งฉากบู๊เด่นๆ ทั้งหมดนั้น ได้นักออกแบบคิวบู๊ชื่อดังอย่าง หยวนหวูปิง มากำกับ ซึ่งหากใครนิยมการดูหนังแนวกังฟูจีนแล้วละก็ จะพบว่านี่เป็นมิติใหม่อีกครั้งของการออกแบบฉากแอ็คชั่นแนวกำลังภายใน ที่นอกจาก?จะตื่นเต้นไปกับการต่อสู้อันดุเดือดแล้ว เรายังได้เห็นมิติในเชิงลึกของการออกอาวุธที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ไม่ใช่ ดีแต่สวย แต่ทั้งจังหวะหนักเบา ทั้งท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละวิชาฝีมือ ที่ทำให้เห็นถึงความต่ำสูง?ของฝีมือได้ชัดเจน ซึ่งเราไม่ได้เห็นคิวบู๊ที่สวยงาม หนักแน่นและเต็มไปด้วยรายละเอียดแบบนี้นานแล้ว
นักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะนักแสดงนำทั้ง เหลียงเฉาเว่ย ที่คงความเป็นยิปมัน?ตามแบบฉบับที่เราคุ้นเคยแต่ก็มีบุคลิกบางอย่างที่แตก ต่างจากยิปมันเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างเอกลักษณ์?ให้กับยิปมันในเวอร์ชั่นหว่องกาไวได้เป็นอย่างดี ในขณะที่จางซิยี่แสดงบทของกงเอ๋อได้ดีจนทำให้รู้สึกเห็นใจไปกับชะตาชีวิตของตัวละครตัวนี้ จะมีก็แต่ ซองเฮเคียว ในบทภรรยาของยิปมันที่บทจืดจางจนรู้สึกว่าใช้วิธีเล่า?บอกก็พอ ไม่จำเป็นต้องนำเธอมาใส่ไว้ในเรื่องนี้เลย