The Twilight Saga : Breaking Dawn – Part 2 ผู้หญิงดูได้ ผู้ชายดู (ฉากแอ็คชั่น) ดี

เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจาก เบลล่า ใช้เวลาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในการเป็นแวมไพร์ กลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ก็แสดงความต้องการตัว เรเนสมี ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า มาครอบครอง ครอบครัวคัลเลนจึงขอความช่วยเหลือจากกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรทั่วโลก รวมถึง เจคอบ ที่ผูกวิญญาณกับ เรเนสมี แล้ว เพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายกับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ที่จะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานของความรักนี้ สงครามแวมไพร์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงไคลแมกซ์ ถือเป็นการแนะนำให้รู้จักกับกลุ่มแวมไพร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแวมไพร์เดนาลี พันธมิตรของครอบครัวคัลเลน และ กลุ่มแวมไพร์จากอียิปต์ด้วย

เครดิตฟรี

Twilight : Breaking Dawn – Part 2 ยังคงเป็นผลงานของผู้กำกับคนเดิมอย่าง บิล คอนดอน จากภาคที่แล้ว ซึ่งถ้าหากไม่นับหนังชุด ทไวไลท์ นาย บิล คอนดอน คนนี้ถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีคุณภาพอยู่มากพอสมควร เพราะเขาเป็นคนที่เคยพาเอาหนังเพลง มิวสิเคิล อย่าง Dreamgirls ไปชนะ ออสการ์ 2 สาขามาแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ค่อนข้างชื่นชอบภาพยนตร์ชุด ทไวไลท์ มากนักหรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาค 2 และภาค 4.1 ที่น้ำเน่า และ น่าเบื่อ เป็นที่สุด แต่ไหนๆเราก็ดูกันมาแล้ว 4 ภาค จะเป็นได้อย่างไรที่จะยอมถอดใจตอนภาคสุดท้าย โดยก่อนที่จะดูผมก็มีความคิดอคติต่างๆมากมาย ตามสไตล์ของ ผู้ชาย ไม่ค่อยชอบ ทไวไลท์ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันนะครับ เมื่อหลังดูจบความคิดของผมดันกลับไปอีกทาง และอยากไปเสียตังค์อีกรอบจริงๆ

สล็อต

เพราะต้องขอบอกเลยว่า Breaking Dawn Part 2 ถือได้ว่าเป็น ทไวไลท์ ภาคที่สนุก และ ดีที่สุด รองมาจากภาค 1 ในหนังตระกูลนี้เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากใครเคยคิดว่าภาค 1 สนุกได้เพราะอารมณ์รัก โรแมนติค ผสมผสานไปกับเพลงเพราะๆแล้วละก็ คุณก็น่าจะเตรียมพร้อมที่จะสนุกไปกับภาค 4.2 ได้เลย เพราะจะเป็นภาคที่ทำให้คนดูทั้งผู้หญิง และ ผู้ชาย ได้ร่วมสนุกไปกับฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ และมุกตลกร้าย ที่ทำเอาคนดูปรบมือแทบทั้งโรง ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่า ฉากปะทะกันระหว่าง วัลโตรี และ แก๊งค์แวมไพร์ ในตอนท้ายเรื่อง ถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของภาค 4.2 ว่าแล้วสงสัยผู้กำกับ บิล คอนดอน คงแอบจะไปทำการบ้านอยู่

สล็อตออนไลน์

ผลลัพธ์ที่ออกมาในด้านของฉากแอ็คชั่นตอนท้ายเรื่อง จึงค่อนข้างน่าพอใจ และถือว่าทำเอาออกมาเอาใจฝ่ายของ ผู้ชาย มากพอสมควร ด้วยการที่ฉากแอ็คชั่นเต็มไปด้วยการต่อสู้อันหนักแน่น และ ฉูดฉาด ด้วยฉากโหดๆ จนทำให้เราหลายคนอาจจะลืมไปได้ว่า เรากำลังดู ทไวไลท์ อยู่ ผสมผสานไปกับการที่ภาคนี้ ผู้กำกับ บิล คอนดอน คงจะพยายามให้คนดูสนุกกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายมากที่สุด จึงตัดฉากรัก โรแมนติค ที่เหล่าผู้ชายเกลียดออกไปจนเหลือเพียงแค่ 10% ของเรื่อง จึงเป็นอีกข้อดีนึงที่สามารถทำให้ฉากแอ็คชั่นตอนท้ายเรื่องสนุก เพราะตลอดเวลา 115 นาทีของตัวหนังถือว่าปูเรื่องราวเพื่อนำไปสู่ตอนไคล์แมกซ์ได้ค่อนข้างลื่นไหล และไม่น่าเบื่อเท่าภาคอื่นๆ พร้อมทั้งตัวหนังยังมีการพยายามพูดถึงเรื่อง การรับวัฒนธรรมแปลกใหม่ และ ความเชื่อ ของสิ่งมีชีวิต

jumboslot

ผ่านกลุ่ม วัลโตรี ในท้ายเรื่องได้อย่างไม่ยัดเยียด และ เป็นธรรมชาติอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของหนังชุดนี้ ที่ยังไงก็ยังแก้ไม่หายจนหนังเขาปิดชุดวรรณกรรมกันไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นด้านของนักแสดง ที่ไม่ว่าจะเป็น คริสเต็น สจ๊วต, โรเบิร์ต แพททินสัน และ เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ที่ดูยังไงก็ยังเหมือนกันกับคนดูกำลังดู ทไวไลท์ ภาค 1 ที่เหล่านักแสดงยังเป็นหน้าใหม่ และเล่นค่อนข้างแข็งกันอยู่ แถมการที่หนังใช้เวลาการเล่าเรื่องในช่วงแรกมากพอสมควร พร้อมทั้งตัวละคร เบลล่า ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญอยู่ ก็อาจจะยังเป็นบางเหตุผลที่ทำให้คุณผู้ชายบางคนยังค่อนข้างไม่ชอบ ทไวไลท์ ในภาคนี้กันอยู่

slot

แต่สำหรับตัวผมแล้ว ส่วนตัวผมกลับค่อนข้างพอใจ และเป็นตัวหนังที่พอดูสนุกกว่าที่คิด ด้วยการที่ตัวเรื่องไปในแนวทางของหนัง แอ็คชั่น ปน ตลกร้าย จึงได้ว่า Twilight ภาคนี้เป็นภาคที่ค่อนข้างลงตัวต่อจาก ภาค 1 เลยก็ว่าได้ โดยถ้าหากมีอะไรที่ยังคงไม่ทำให้คุณผู้อ่านถูกใจก็เห็นจะมีแต่การแสดงเนี่ยแหละนะครับ