มหาสมุทรจะกลายเป็นมหาสงคราม ฮีโร่ของเราคือเหล่ากองทัพเรือ จากเกมรบชื่อด้งของฮาสโบร มาสู่จอภาพยนตร์ ?แบทเทิลชิป? อภิมหาโปรเจคท์จากผู้สร้างทรานส์ฟอร์เมอร์ส โดยผู้กำกับ ปีเตอร์ เบิร์ก รับโปรเจคท์ยักษ์ใหญ่ของค่ายยูนิเวอร์แซล แบทเทิลชิป ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยที่เปิดยุทธการรบเต็มรูปแบบที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่นี้จะเปิดฉากรบทั้งในทะเล กลางเวหา และภาคพื้นดิน เพื่อต่อต้านกับศัตรูที่มารุกรานโลก โดยเรื่อง แบทเทิลชิป สร้างจากเกมต่อสู้ของเรือรบที่สุดโด่งดังของฮาสโบร ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์สไตรภาคมาแล้วนั้นเองครับ
Battleship กำกับการแสดงโดยผู้กำกับ ปีเตอร๋ เบิร์ก ผู้กำกับคอแอ็คชั่นที่เราคงรู้จักกันดีจากหนังแอ็คชั่นถูกใจคนดูอย่าง The Rundown , The Kingdom และหนังซุปเปอร์ฮีโร่เกรียนเรื่องแรกๆของฮอลลีวู้ดอย่าง Hancock ที่ดูจากเครดิตในตอนแรกผมก็รู้สึกหวั่นๆอยู่เหมือนกันที่เขาจะมากำกับ Battleship เพราะว่าส่วนตัวนั้นฉากแอ็คชั่นใน The Kingdom และ Hancock ออกมาค่อนข้างธรรมดา จะมีก็แต่ The Rundown ที่ฉากเตะต่อยออกมาค่อนข้างโอเคหน่อย โดยสำหรับ Battleship ถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญอัพเรื่องแรกของผู้กำกับ และเป็นหนังที่สเกลค่อนข้างใหญ่ โดยถ้าหากใครมองผิวเผินแล้วนึกว่าเป็น Transformers ภาค 4 ก็คงไม่แปลก แถมผมยังกลัวๆอีกด้วยว่าหนังจะออกมาแย่เหมือน Transformers : Dark of The Moon อีก
แต่กลับผิดคาด เมื่อ Battleship กลับกลายเป็นหนังฮอลลีวู้ดที่สามารถมอบความบันเทิงให้กับคนดู ออกมาได้โอเคเกินคาดมากๆ โดยถ้าหากใครที่ยังไม่เต็มอิ่มกับฉากแอ็คชั่นกระหน่ำ CG ของ Wrath of The Titans ที่เพิ่งผ่านไป ก็ขอให้แนะนำมาดู Battleship ได้เลย เพราะเรียกได้ว่าหนังจัดเต็มแอ็คชั่นมาตั้งแต่แทบทั้งเรื่อง โดยถ้าหากใครเคยดู Black Hawk Down ที่เป็นหนังแนวสงครามที่จัดเต็มแอ็คชั่น 1 ชั่วโมงในช่วงท้ายของหนัง สำหรับ Battleship นี้ก็เรียกได้ว่าคล้ายๆกัน เพราะหลังจากที่หนังใช้เวลาปูบทนิดๆหน่อยๆของหนังในช่วง 30 นาทีแรก ที่ทำเอาคนดูนึกว่าจะอดดูฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆเยอะๆของหนังเสียแล้ว
แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเมื่ออีก 105 นาทีที่เหลือของหนังผู้กำกับสามารถจัดเต็ม แอ็คชั่น ให้กับคนดูได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ด้วยการกระหน่ำทั้ง CG และ ฉากแอ็คชั่น มันส์ๆ ที่ใครเป็นคอแอ็คชั่นเรื่องนี้จะทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของหนังที่เรียกได้ว่าเป็นการปล่อยของจัดเต็มของผู้กำกับอย่างแท้จริง ซึ่งจะไม่แปลกเลยถ้าหากคุณจะอ้าปากค้างไปกับฉากแอ็คชั่นกระหน่ำ CG ของหนังเรื่องนี้ และอีกด้านที่ช่วยตัวหนังได้อย่างมากคงหนีไม่พ้นด้านของ ดนตรีประกอบ ของ สตีฟ จาบลอนสกี้ คอมโพสเซอร์ที่เคยรับหน้าที่ทำดนตรีประกอบให้กับ Transformers ทั้ง 3 ภาคมาแล้ว ที่ในเรื่องนี้สามารถกระหน่ำอารมณ์ความมันส์ในฉากแอ็คชั่น ผสมผสานไปกับด้านของซาวน์ในหนังได้อย่างค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว
โดยจะไม่ผิดเลยถ้าหากผมจะพูดว่า Battleship เป็นหนังที่ดูเพื่อความมันส์อย่างเดียว เพราะในด้านอื่นๆนอกจากฉากแอ็คชั่นแล้ว หนังกลับมาตามสูตรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านของ บท หนังที่มาตามสูตรของหนังแอ็คชั่นทั่วๆไป และหนังยังมาในแนวเดียวกับ Battle Los Angeles และ Act of Valor อีกด้วย โดยสำหรับ Battle LA และ Act of Valor เป็นหนังที่เชิดชู นาวิกโยธิน ส่วน Battleship นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เชิดชู ทหารเรือ เพราะหนังมีการใส่เรื่องราวของทหารผ่านศึก และหลายๆสิ่งที่ดูเกินๆเข้ามาบ้าง