Moneyball สร้างจากชีวิตจริงของ บิลลี่ บีน (Billy Beane) อดีตนักเบสบอลของเมเจอร์ลีกเบสบอล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทั่วไปของทีมเบสบอล ?โอ๊กแลนด์ แอธเลติกส์? (Oakland Athletics) กับช่วงเวลาที่ เริ่มเกิดวิกฤติทางการเงินของทีม ไม่สามารถจัดหาทุนในการซื้อตัวผู้เล่นเก่ง ๆ มาร่วมทีม ทำให้ฟอร์มเริ่มตกลงเรื่อย ๆ จนผู้จัดการประจำทีมเลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากหนุ่มรายหนึ่งที่ค้นพบวิธี ใหม่ในการช่วยคัดเลือกผู้เล่นผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นามว่า พีท ซึ่งในท้ายสุดผลที่ออกมา กลับได้ผลแบบดีเกินคาดมากๆ
แรกไว้อย่างยิ่งใหญ่บนเวทีออสการ์ในปี 2005 กับหนังแนวชีวประวัติอย่าง Capote โดยหลังจากนั้นให้หลังถึง 6 ปี เขาก็กลับมาแล้วพร้อมกับมือเขียนบทสุดชาญฉลาดอย่าง แอร์รอน ซอร์กินส์ จาก The Social Network ที่คราวนี้นำเอาหนังสือของ ไมเคิล เลย์วิส ที่ชื่อว่า Moneyball: The Art of Winning an Unfair Gam มาดัดแปลงเป็นหนังชีวประวัติของ บิลลี่ บีน เจ้าของทีมเบสบอลสุดตกอับเรื่องนี้ โดยถ้าหากได้ยินชื่อของ Moneyball เมื่อไหร่ สิ่งที่ไม่พุดถึงไม่ได้คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนลุคการแสดงครั้งยิ่งใหญ่ของ โจนาห์ ฮิลล์ ตาอ้วนที่เคยแสดงแต่บทแนวตลกๆ โดยคราวนี้ต้องมารับบทเป็น ปีเตอร์ แบรนท์ ชายหนุ่มที่ค้นพบวิธีคัดเลือกผู้เล่นจากโปรแกรมคอมพ์
ที่ต้องถ่ายทอดทั้งสีหน้า และ การแสดง ความเป็นดราม่า ซึ่งในสิ่งเหล่านั้นต้องขอชมเลยว่า โจนาห์ ฮิลล์ สามารถแสดงได้อย่างลื่นไหล และดูแล้วไม่ติดตลกเลยสักนิด พร้อมกับตัวละครหลักของหนังอย่าง บิลลี่ บีน ที่นำแสดงโดย แบรด พิทท์ นั้นก็เช่นกัน ที่ทั้งคู่สามารถเล่นเป็นตัวละครเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และ มีสีสัน มาก ไม่แปลกเลยที่ทั้งคู่จะได้เข้าชิงออสการ์ในปีนี้ และนั้นรวมไปถึงด้านของบทอันแสนชาญฉลาดของ แอร์รอน ซอร์กิส ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวประวัติของ บิลลี่ บีน ได้อย่างน่าสนใจ และ มีเสน่ห์ เพราะหนังนั้นถึงแม้จะเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ออกแนวรวดเร็วแบบ The Social Network
แต่ว่าบทของ แอร์รอน ซอร์กิส นั้นกลับดัดแปลงออกมาได้ไม่มีน่าเบื่อเลยสักนิด แถมมันยังเต็มไปด้วยข้อคิด และ ประเด็นสอนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นของความบกพร่องของร่างกาย และ จิตใจของเราในตอนนี้ ไม่แน่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรายิ่งใหญ่ในวันหน้าก็เป็นได้ และหนังนั้นบ่งบอกถึงด้านของคุณค่าที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน ผ่านตัวละครนักเล่นเบสบอลทั้งหลาย ที่ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นไม่เก่ง หรือมีจุดบกพร่องต่างๆ แต่เขาก็ยังเป็น มนุษย์ อยู่ไม่ใช่หรอ รวมไปถึงด้านประเด็นของความเชื่อมั่นในตนเอง , ค่านิยม และ อื่นๆอีกมากมาย ที่หนังเรื่องนี้มีไหวพริบ และ ความชาญฉลาดในการเล่าเรื่องอย่างมาก
แถมยังต้องขอบคุณผู้กำกับ เบนเนท มิลเลอร์ และดนตรีประกอบของ ไมเคิล แดนน่า ที่สามารถนำพาเอาอารมณ์ และ ธีม ของหนังให้ออกมาละม้ายคล้ายคลึงกับหนังแนวให้กำลังใจในตำนานอย่าง Jerry Maguire ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงแต่ว่าตัดด้านของ โรแมนติค ของหนุ่ม เจอร์รี่ ออกให้หมด และเหลือไว้แต่กำลังใจ ที่หนังจะมอบให้คนดู ส่วนสุดท้ายนั้นคือ ถ้าหากถามผมว่า เล่นกีฬาเบสบอลไม่เป็น จะสามารถดูหนังเรื่องนี้สนุกได้ไหม ผมก็ขอตอบเลยว่า สามารถดูได้สนุกอย่างแน่นอน ถ้าหากพูดถึงในด้านแกนหลักของหนัง เพราะบทหนังนั้นแถมจะไม่เกี่ยวกับเบสบอลเลยก็ว่าได้ แต่มันเกี่ยวกับการชนะจิตใจตัวเอง แถมชื่อไทยอย่าง เกมล้มยักษ์ ก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะ ยักษ์ นั้นไม่ใช่ทีมแยงกี้ แต่ว่าที่จริงมันคือ ตัวเราเอง ตั้งหากครับ