The Lady ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของหญิงแกร่ง ออง ซาน ซูจี (มิเชล โหยว) ผู้นำการต่อต้านรัฐบาลทหารในประเทศพม่า เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ในปี 1988 เธอได้ออกจากอ็อกซ์ฟอร์ดเพื่อกลับมาเยี่ยมมารดาที่ป่วยในพม่า และต้องอยู่ที่นั่นนานหลายปี จนกระทั่งเข้าสู่การเป็นนักการเมืองขวัญใจประชาชน ที่ถูกยกย่องว่าเป็น ?วีรบุรุษเพื่ออิสรภาพของประเทศพม่า? ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอต้องพบอุปสรรคมากมาย รวมถึงการบังคับให้อยู่แต่ในบ้าน จนไม่ได้พบหน้า ดร.ไมเคิล แอริส (เดวิด ธิวลิส) สามีของเธอ
The Lady กำกับการแสดงโดยผู้กำกับอย่าง ลุค เบซอง ที่คนไทยคงรู้จักกันดีจากผู้กำกับหนังแอ็คชั่นมือต้นๆของฝรั่งเศส ที่เคยกำกับหนังแอ็คชั่น ทริลเลอร์ ในตำนานอย่าง Leon และตามมาด้วยการเป็นคนเขียนบทให้กับหนังแอ็คชั่นมากมายไม่ว่าจะเป็น Transporters ทั้ง 3 ภาค , Colombiana หรือแม้แต่กระทั่งหนังแอ็คชั่นถูกใจคนไทยอย่าง Taken และในปีนี้เขาก็กลับมาขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับอีกครั้ง แต่ไม่ได้เป็นการกำกับหนังแอ็คชั่น แต่กลับกลายเป็นหนังดราม่าชีวประวัติของ อองซานซูจี ที่ใน The Lady สิ่งแรกที่ผู้กำกับ ลุค เบซอง ทำได้สำเร็จจริงๆคือการเลือกนักแสดงอย่าง มิเชล โหย่ว มาแสดงเป็น อองซานซูจี ที่หน้าตาของเธอนั้นก็กินใจไปกว่าครึ่ง แต่เมื่อกับการแสดงนั้น ต้องขอชมเลยว่า มิเชล โหย่ว นั้นเธอเป็นนักแสดงที่ทำให้ อองซาน ดูมีมิติขึ้น
แถมด้านการถ่ายภาพของหนัง ที่สามารถควบคุมและถ่ายทอดโทนสีในประเทศพม่าออกมาได้อย่างสวยงาม ประกอบไปกับสไตล์งานของ ลุค เบซอง ที่ถึงแม้ว่านี้จะออกตัวเป็นหนังดราม่าชีวประวัติ แต่ว่า ลุค เบซอง ก็ยังแอบไม่ทิ้งเชื่องานกำกับแนวถนัดของเขาไปไหน เพราะว่า The Lady นั้นยังถือว่าแอบมีอารมณ์ความเป็นหนังแอ็คชั่นของ เบซอง สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง จึงไม่แปลกถ้าความยาว 2 ชั่วโมง 12 นาทีของหนังเรื่องนี้จะพอดูเพลินๆในระดับหนึ่ง
แต่ยังไงก็ตามที สำหรับในด้านของข้อเสียก็เริ่มตั้งแต่ด้านของ ลำดับภาพ และ การตัดต่อภาพ ของหนังชีวประวัติเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างเสียชื่อเสียงของ ลุค เบซอง อย่างมาก เพราะแทบจะตลอดทั้งเรื่องนั้น เรียกได้ว่าหนังแทบจะไม่มีช่วงไหนเลยที่พูดได้เต็มปากว่า เนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน เพราะหลายๆฉากของหนังนั้นใช้วิธีการ สลับฉากเหตุการณ์ของ อองซานซูจี และ ดร.ไมเคิล แอริส มากพอสมควร จึงทำให้ดูแล้วรู้สึกไร้อารมณ์ต่อเนื่องมากพอสมควร แถมด้านบทของตัวละครหลักอย่าง อองซานซูจี นั้นหนังก็ยังเล่นถ่ายทอดมาให้คนดูแค่มิติเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้การแสดงของ มิเชล โหย่ว คงแย่กว่านี้
สรุป The Lady นั้นถือว่าเป็นหนังชีวประวัติของ อองซานซุจี ที่ต้องนับถือด้านการแสดงของ มิเชล โหย่ว และ การถ่ายภาพสวยๆของหนัง แต่นอกจากนั้น ผมกลับรู้สึกค่อนข้างเสียดายกับการตัดต่อและลำดับภาพของหนังพอสมควรที่ไม่ค่อยต่อเนื่อง เอาเป็นว่านี้ถือเป็นหนังชีวประวัติที่ดูได้เพลินๆเท่านั้นเองครับ